ประวัติความเป็นมาของวิ่งมาราธอน
1 min readประวัติความเป็นมาของวิ่งมาราธอน
ย้อนกลับไปเมื่อ 2500 ปี ได้มีกองทัพ เปอร์เซีย พากองกำลังจะเข้ามาบุกเมืองเอเธนส์ หวังที่จะครอบครองยุโรป จึงได้เคลื่อนทับมาจัดตั้งกองกำลังพลอยู่ ณ ที่ราบมาราธอนพร้อมที่จะบุกเมืองเอเธนส์ แต่ด้วยกองทัพของชาวกรีกมีความชำนาญในพื้นที่มากกว่าจึงได้รับชัยชนะเหนือกองทัพเปอร์เซียที่มากมหาศาล
จึงได้เกิดเรื่องราวตำนานของชายที่มีนามว่า “Pheidippides”( ฟีร์ดิปปิเดซ ) นายทหารชาวกรีกเขาได้รับหน้าที่ให้นำสารไปบอกกับชาวกรีกที่เมืองเอเธนส์เพื่อประกาศว่าเราได้รับชัยชนะเหนือกองทัพเปอร์เซียแล้วเพื่อเตือนภัยให้ชาวกรีกว่าอาจจะมีทหารของกองทัพเปอร์เซียที่หลงเหลืออยู่จะบุกเข้าไปโจมตีทางเรือ
เมื่อเขาวิ่งไปถึงกรุงเอเธนส์ เขาก็ได้ตะโกนว่า“νενικήκαμεν” ( nenikekamen ) หรือ “เราชนะแล้ว” ด้วยระยะทางการวิ่ง 40 กิโลเมตร (24.85ไมล์ ) โดยที่เขาไม่ได้หยุดหรือแวะพักระหว่างทาง ทำให้เขาล้มลงขาดใจ และเสียชีวิตทันที หลังจากตะโกนออกมา
จากตำนานที่เล่าขานกันมาจึงทำให้เกิดการแข่งขันวิ่งระยะไกล ‘มาราธอน’ ในโอลิมปิคเกมส์ปี 1896 คนที่ได้ชัยชนะในการแข่งขันครั้งนั้นก็เป็นชาวกรีก
มีนามว่า Spyridon Louis ( สปิริดอน หลุยส์ ) ซึ่งเขาประกอบอาชีพเป็นบุรุษไปรษณีย์อีกด้วย ด้วยระยะทาง 40 กิโลเมตร ( 24.85ไมล์ ) และทำเวลาได้ 2.58.50 ชม. ต่อมาในปี 1908 การแข่งขันโอลิมปิคที่กรุงลอนดอน ระยะทางถูกปรับมาอยู่ที่ 42.195 กิโลเมตร (26.22ไมล์) จากหน้าพระราชวัง Windsor ไปจนจบที่สนาม White City Stadium ด้วยระยะทางนี้จะทำให้เส้นชัยอยู่ต่อหน้าพระพักต์ของพระราชินีพอดี และได้ยึดมาตรฐานนี้มาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
ประวัติความเป็นมาของวิ่งมาราธอน ครั้งเรกในไทย
มาราธอน รายการแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นตอน พ.ศ.2528 ที่ จ.ราชบุรี จะถูกจัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปีครั้งแรกที่ถูกจัดขึ้นมีผู้เข้าร่วมแข่งขันไม่ถึง 100 คน สมัยนั้นเก็บค่าสมัครเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งระยะทางที่ใช้แข่งขัน เป็น ระยะทาง 10 กิโลเมตร จากนั้นมาทุกๆปีก็มีนักวิ่งสนใจเข้ามาสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีนักวิ่งมากกว่า 5000 คนของแต่ละปี จนมากระทั่งปี พศ.2532 ได้เพิ่มระยะทาง 21.1 กม. เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งรายการ แล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็น
‘จอมบึงครึ่งมาราธอน’ จนกระทั้งมาถึงปี พ.ศ.2542 เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุ 72 พรรษา คณะกรรมการจัดการแข่งขันจึงเพิ่มการวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กม. ขึ้นอีกระยะหนึ่ง ชื่องานจึงเปลี่ยนเป็น “จอมบึงมาราธอน” จนถึงปัจจุบัน
และมาถึงปัจจุบันมีนักวิ่งหน้าใหม่มากมายที่สนใจมาลงแข่งขันวิ่งมาราธอนเพราะแรงบันดาลใจจากหลายๆสิ่งหลายบุคคลที่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการวิ่งมาราธอนทำให้เกิดรายการต่างๆมากมายทำให้นักวิ่งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในตอนนี้