วิ่งแล้วจุก ควรทำไงดี
1 min read
วิ่งแล้วจุก ควรทำไงดี
ปฏิเสธไม่ได้จริงครับว่าทุกวันนี้การวิ่งคือการออกกำลังกายที่เป็นที่นิยมสูงมาก เป็นการ Cardio ที่ทำให้ร่างเกิดการเผาพลังผลาญพลังงานได้ดี เสริมความแข็งแรงของร่างกายได้อย่างดี แต่การจะวิ่งให้ได้ตามระยะเวลาที่เราต้องการไม่ใช่เรื่องง่าย หลายๆ คนอาจจะเคยต้องผ่านช่วงที่วิ่งแล้วจุกที่ท้องกันมาก่อน ทำเอาทรมานจนไม่อยากจะวิ่งต่อเลย หรือเลิกออกกำลังกายด้วยการวิ่งไปเลยทีเดียว วันนี้เว้บไซต์ของเราจะพาทุกท่านไป รู้จักวิธีรับมือกับอาการจุกเวลาวิ่งกันครับ
อาการจุกเกิดจากอะไร?
อาการจุกขณะวิ่งเกิดจาก ขณะที่วิ่งลำไส้จะมีการเคลื่อนไหวขึ้น-ลงอย่างหนัก จนทำให้เกิดแก๊สลอยขึ้นไปดันกะบังลม และเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในลำไส้ จึงทำให้เกิดอาการ จุกเสียดท้อง
ทำไมวิ่งแล้วจุกบ่อยๆ?
การจุกเสียดท้องเป็นอาการที่พบบ่อยมากในเหล่านักวิ่งไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ จริงๆแล้วก็คือการหดเกร็งที่กระบังลมนั่นเอง สาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้จุกคือ คือการหายใจถี่จนกระบังลมทำงานหนัก และยิ่งโดนอวัยวะภายในอื่น ๆกดทับ ก็จะทำให้กระบังลมขาดเลือดจนเป็นตะคริว แล้วนักวิ่งก็จะรู้สึกจุกที่ชายโครงทันทีและทรมานมาก ๆ
ทำไมบางคนจุกเสียดแต่ซีกขวา?
ถ้ารู้สึกจุกเสียดแต่ซีกขวาคาดว่าเกิดจากตับ เนื่องจากตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่มากและอยู่ข้างขวา เมื่อตับได้รับแรงกระแทกจากการวิ่งก็จะไปรั้งกระบังลมจนอาจเกิดการหดเกร็งได้ บวกกับเส้นเอ็นที่ยึดตับกับกระบังลมถูกดึงจนล้า ก็อาจจะเกิดการหดเกร็งได้เช่นกัน
วิธีป้องกันอาการจุก
ก่อนวิ่งควรร่างกานเยอะ ๆโดยเริ่มวิ่งช้า ๆก่อน และพยายามหายใจเข้าออกด้วยกระบังลมให้เกิดการขยายตัว นั่นคือหน้าท้องต้องขยายตัวเวลาหายใจเข้า และยุบเมื่อหายใจออก แต่ถ้าวิ่งจนเริ่มรู้สึกจุกก็ให้วิ่งช้าลง ปรับจังหวะการหายใจใหม่ เพื่อบรรเทาอาการหดเกร็งของกระบังลม
10 เคล็ดลับขับไล่อาการจุกระหว่างวิ่ง
1.ลองวิ่งนับจังหวะ
2.ฝึกวิ่งให้บ่อยมากขึ้น
3.วอร์อัพก่อนออกวิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ
4.ทำสลับกับการยืดเส้น
5.ใช้ที่รัดเอวดูช่วยได้นะ
6.ฝึกกล้ามเนื้อช่วงท้องให้แข็งแรง
7.ค่อยๆ เพิ่มหรือลดความเร็ว
8.วิ่งให้หลังตรง
9.สูดหายใจให้ลึกมากขึ้น
10.ควรเลี่ยงอาหารหนัก และน้ำอัดลม
#วิ่งแล้วจุก ควรทำไงดี #เคล็ดลับการวิ่ง