6 วิธี วิ่งยังไงไม่ให้เจ็บเข่า
1 min read
6 วิธี วิ่งยังไงไม่ให้เจ็บเข่า
หลายคนที่เลือกออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้น ก็เป็นเพราะการวิ่งนั้นคือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ง่ายที่สุด ประหยัดที่สุดสะดวกที่สุดนั่นเอง แต่หลาย ๆ คนไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งหน้าใหม่หรือนักวิ่งหน้าเก่ามักจะเจอก็คืออการบาดเจ็บนั่นเอง เพราะการวิ่งนั้นแต่ละก้าวล้วนได้รับแรงกระแทกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาการบาดเจ็บนั้นก็มีหลายแบบ แต่ที่เราจะพูดถึงก็คือการบาดเจ็บที่เข่า ที่พบเห็นกันได้บ่อยมาก เรามาดูกันเลยว่าจะวิ่งยังไงไม่ให้เจ็บเข่า
1.ให้ความสำคัญในเรื่องน้ำหนักตัว
การที่น้ำหนักตัวมากนั้นย่อมทำให้นักวิ่งต้องรับภาระการแบกตามไปด้วย ลองคิดง่าย ๆ หากเราแบกถุงข้าวสาร 5 กิโลแล้ววิ่งไปเรื่อย ๆ แรงกระแทกที่มากขึ้นก็ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหัวเข่า และเสี่ยงเป็นโรคเข่าเสื่อม ฉะนั้นจึงควรจะควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ดัชนีมวลกายก็จะลดความเสี่ยงอาการบาดเจ็บเข่าได้
2.รองเท้าวิ่งควรจะเข้ากับลักษณะเท้า
รองเท้าวิ่งในท้องตลาดนั้นมีให้เลือกเยอะแยะมากมายหลายแบรนด์ แต่อย่าได้เลือกที่มีความสวยงาม หรือตามคำโฆษณา ควรเลือกใช้รองเท้าวิ่งให้เข้ากับรูปทรงของเท้า และมีวัสดุการผลิตที่รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ยิ่งคนเท้าแบนด้วยแล้วควรจะศึกษาข้อมูลในการเลือกรองเท้าให้มากกว่าคนอื่น เพราะอาจจะจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมเข้าช่วย เช่นแผ่นยางเสริมรองเท้าเป็นต้น
3.ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก
เพราะหากกล้ามเนื้อขาและสะโพกแข็งแรงก็จะช่วยลดปัญหาอการบาดเจ็บเข่าได้ ท่าบริการก็มีอยู่หลายท่าไม่ว่า จะเป็น Leg Extension หรือ Squat เป็นต้น
4.วอร์มอัพ และคูลดาวน์
การวอร์มอัพหรืออบอุ่นร่างกายก่อนวิ่ง รวมไปถึงการยืดเหยียดหรือคูลดาวน์หลังวิ่งอย่างน้อย 15 นาที จะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บเข่าได้ ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
5.ควรเลือกเส้นทางวิ่งที่ดี
ควรจะเลือกเส้นทางวิ่ง ที่เรียบพื้นเสมอกัน เส้นทางไม่เอียง หลีกเลี่ยงกานวิ่งขึ้นเนินลงเนิน และขรุขระ หากสามารถวิ่งงบนลู่ยางสังเคราะได้จะดีมาก หรือใครบ้านใกล้ทะเลแนะนำว่าวิ่งบนชายหาดก็ช่วยเซฟเข่าได้ดีเลย
6.อย่าหักโหม
สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ที่ข้อต่อหรือกล้ามเนื้อที่ยังไม่แข็งแรงมากพอ การเพิ่มความเร็ว หรือระยะทางที่ไกลขึ้นก็ส่งผลต่อการบาดเจ็บเข่าได้เช่นกัน ฉะนั้นควรจะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปจะดีกว่า
สุดท้ายนี้หากใครมีอาการบาดเจ็บเข่า ก็ควรหยุดพัก หรือหันไปออกกำลังประเภทอื่นที่ไม่มีแรงกระแทกแทน เช่นการปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ หากหยุดพักแล้วไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด