High Intensity Interval Training คืออะไร แล้วดียังไง
1 min read
High Intensity Interval Training คืออะไร แล้วดียังไง
HIIT เป็นการออกกำลังกายที่สามารถเผาไขมันได้ดีเยี่ยม โดยใช้เวลาทำแต่ละครั้งก็ไม่นานเพียงแค่มีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็สามารถทำได้แล้ว เพราะการออกกำลังกายแบบนี้ทำให้การเต้นของหัวใจสูงขึ้นประมาณ 85 – 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว โดยเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในระดับ max heart rate แล้วเราผ่อนให้เบาลงจนหัวใจเต้นเกือบปกติแล้วจึงเพิ่มความเข้มข้นสลับไปมาเรื่อย ๆ นั่นเอง
HIIT มีจุดประสงค์เพื่อเผาผลาญไขมัน เช่นเดียวกับการคาร์ดิโอ แต่คาดิโอนั้นเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ส่วน HIIT เป็นในรูปแบบแอนแอโรบิก ที่เรามักจะได้เห็นการออกกำลังกายอย่างเช่น การวิ่งระยะสั้น หรือพวกนักเพาะกาย ที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ใช้ออกซิเจน ส่วนการคาร์ดิโอนั้นใช้ออกซิเจนในดึงไขมันมาเผาผลาญ
แล้วข้อดีของ HIIT คืออะไร
การออกกำลังการแบบ แบบ HIIT นั้นเป็นการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงทำให้ร่างกายดึงพลังงานจากส่วนต่าง ๆ รวมถึงไขมันมาทดแทนได้มาก และยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 48 ชม. ต่างจากการทำ Cardio ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นต่ำ ร่างกายจะใช้เอาคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานหลัก และเมื่อใช้จนหมดถึงค่อยดึงไขมันมาใช้นั่นเอง
HIIT เป็นการออกกำลังการที่มีความบีบคั้นทางร่างกายและจิตใจค่อนข้างสูง ใครที่จะฝึกแบบนี้ร่างกายและจิตใจต้องพร้อมเป็นอย่างมาก จึงไม่เหมาะแก่ผู้ที่อยู่ในอารมณ์หรือสภาวะเครียด เพราะนั่นอาจทำให้รู้สึกเครียดกว่าเดิมก็เป็นได้
แล้วควรออกกำลังกายแบบ HIIT บ่อยแค่ไหน
เนื่องจากการออกกำลังแบบ HIIT ค่อนข้างจะบีบคั้นร่างกาย และจิตใจเป็นอย่างมาก ในแค่ละสัปดาห์ ควรจะทำประมาณแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาพักซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และพร้อมที่จะทำในครั้งต่อไป หากไม่พัก ก็อาจจะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้ ย่อมไม่เกิดผลดีแน่ ๆ
มาถึงตรงนี้คงรู้จักการออกกำลังกายแบบ HIIT หรือ High Intensity Interval Training กันแล้วหากใครอยากเปลี่ยนมาออกกำลังกายแบบนี้ก็สามารถทดลองกันได้ โดยอาจจะสอดแทรกเข้าไปในตะรางฝึกซ้อมก็ได้ เพราะนอกจากจะสนุกแล้ว (และเหนื่อยมาก ฮ่า) ยังเป็นการเผาผลาญไขมันได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย แต่สำหรับใครที่พึงจะออกกำลังกายใหม่ ๆ ควรรอให้กล้ามเนื้อร่างกาย และหัวใจแข็งแรงก่อนค่อยฝึกจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่เสี่ยงกับอาการบาดเจ็บ สิ่งสำคัญไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบไหน ไม่ควรลืมการวอร์มอัพ และคูลดาวน์ด้วย